ห้องที่ ๑๓๒ : พระราชครูพิเชต


           พระเสด็จเดินทัพเร้ารีบพหล
ข้ามสะโตงกะแสชล ลุแล้ว
ล่วงทางหว่างสถล ถึงสัต กูฎแฮ
จึ่งประพาศคลาศแคล้ว ปทับยั้งโคธา
           สุครีพทูลแจ้งว่า ตำหนัก นี้ฤๅ
สามกรษัตริยสำนักนิ์ ถิ่นนี้
ราพทัศกรรฐลัก อรรคเรศ ไปนา
คำนับยกกรชี้ ถิ่นด้าวอาศรม
           พระพรตประทั้งยั้ง แรมรา ตรีนา
แล้วยกพยุหแสนยา ยาตรย้าย
ออกจากถิ่นโคธา รีบรุด เรวเฮย
เอิกเกริกโยธาผ้าย สนั่นพื้นพนมวัน
           ถึงเขาคันธมาทน์ไม้ มีคัน ธรศนา
หอมรื่นบอกนามบรร พตอ้าง
ถัดประเทศเฃตรขันธ์ คันธมาทน์ ไปแฮ
ลุตลิ่งทเลกว้าง ฦกซึ้งพึงแสยง
           เฃตรเฉนียรเขาหนึ่งนั้น มหิมา
นามแน่คันธกาลา เลื่องอ้าง
ที่สังเกตลงกา ตรงฝั่ง ข้ามนอ
พระภักพลแรมค้าง อยู่เวิ้งเพิงผา
           บุตราทิตยเทพน้อม เกษสนอง
พระพิศณุพลผอง ภาคนี้
ใช้ลิงเพิกเฃาประลอง ฤทธิ์เรียบ ถนนนอ
ข้าบาทเปนผู้ชี้ กิจให้การกระทำ
           พระยกพลละคึกข้าม คงคา
ลุฝั่งฟากลงกา เกาะโน้น
ปราบศึกเสร็จกลับมา ประทับที่ นี้แล
พระจึ่งแผลงศรโข้น เลิกพื้นพังถนน
          พระประสงค์จงเจตให้ มรรคา
แถวถั่งหลังชลา ล่งแผ้ว
สำเภาเหล่าพวกพา นิชล่อง สดวกแฮ
พระจึ่งเลิกพลแกล้ว กลับเข้ากรุงศรี
           พระพรตพจนพร้อง ปฤกษา
การจักถมสมุทพา ทัพข้าม
พานเรศแข่งกันอา ษาส่ง พระแฮ
ลางจักทดสมุทห้าม อุทกแห้งทางรหง
           บ้างรับจะจับง้าง หักมหา
เมรุมาศลงมา ทอดข้าม
บ้างรับจะรวบพลา กรใส่ กรแฮ
แม้มากไม่ยากคร้าม ส่งสิ้นเสร็จประสงค์
           นิลพัทกรกราบเกล้า ทูลคดี
อันส่ำสุรเสนี ทั่วหน้า
อาษาออกศึกมี ความชอบ แล้วนอ
ยังแต่ความชอบข้า บาทนั้นไป่มี
           จะละยศหมดแม้ สกลตน
ลงทอดคว่ำขวางบน สมุทนี้
เชิญเสด็จพระพาพล พาหนะ ไปเทอญ
ฃอแต่ชอบเชิดชี้ เกียรดิ์ไว้เปนเฉลิม
           พระพรตภูวนารถเอื้อน พจมาน
ทวยท่านคิดทำการ ใหญ่แท้
คงสฤษดิเพราะฤทธิหาญ เหนมหัศ จรรย์ฤๅ
ยากแต่ยอมตนแปล้ ปลักน้ำหาไหน
           อนึ่งเดิมนิลพัทได้ อาษา
สมเด็จพระเชษฐา ร่มเกล้า
ควรมอบเพื่อนรับภา รธุระ นี้นอ
เพื่อนก็เปนข้าเฝ้า อย่าให้หมองกระมล
          นิลพัทรับสั่งน้อง สี่กร
โสมนัศดำเนินจร จากเฝ้า
ถึงท่าชโลธร ทางใหญ่
เมิลที่เหมาะแมะเข้า อยุดยั้งยืนขึง
           หัดถ์ประนมภักตรนึ้งบ่น บริกรรม
ไสยเวทวิเสศสำ เหนียกไว้
จิตรแน่หนึ่งจึงนำ ใจนึก ผันนา
โดยเดชพระเวทได้ เชี่ยวใช้ชำนาญ
           บันดานกายตระง่านเงื้อม สูงถงรร
ยิ่งกวายอดสุเมรุบรร พตโพ้น
ทอดขวางน์ทียัน สองฝั่ง ตลอดนา
แลเลี่ยนเปนลานโล้น เลิดล้ำผองผลู
           พระภุธรทัศนแจ้ง อัศจรรย
โสมนัศเกษมสันต์ สาธุซร้อง
ยกพยุหพลขันธ์ ขับรถ ข้ามแฮ
เสียงลคึกลคึงก้อง กระฉ่อนท้องชลธี
           ถับถึงฟากภาคโพ้น ลงกา
จึ่งอยุดพลโยธา พรักพร้อม
นิลพัทยอบกายา พยพอย่าง เดิมแฮ
จรสู่กระบวนล้อม พิทักษไท้ทางเคย
           พระพรตพจนพร้อง อภิปราย
ถามบุตรพระสุริยฉาย ฉลาดรู้
ปางเพรงพระนารายน์ มารบ มารเฮย
สรรคพลับพลาแรมสู้ ราพนั้นราวไหน
           สุครีพทูลถี่ถ้วน ทุกประการ
เมื่อพระมาปราบมาร ยุคนั้น
พิเภกนาพระภูบาล บันลุ
เขามรกฏถกลกั้น ที่นั้นพลับพลา
          พระบรรหารให้เคลื่อน รถไคล คลาเฮย
ยกพยุหพลไกร เกรอกเกรี้ยว
เสดจผ่านด่านแดนไพร พฤกษชัฎ
ลุมรกฎไศลเลี้ยว อยุดยังโยธี
           ตระบัดตรัสสั่งให้ บุตรอา ทิตยเฮย
เลงแหล่งภูมิ์มหา ชยะแผ้ว
ตั้งพิไชยพลับพลา ในที่ นั้นเทอญ
พานเรศรับสั่งแล้ว เลื่อนคล้อยคลาไคล
           กะสฐานการแต่งตั้ง พลับพลา
ริมที่พักพระจักรา แต่กี้
กะเกณฑทหารอา ษาใหญ่ น้อยเฮย
สารวัดนายหมวดชี้ ช่องให้รดมทำ
           โยธาทุกเหล่าล้วน แขงขัน
ต่างก็วิ่งพันลวัน วุ่นว้า
จับการเริ่มตัดฟัน ขนลาก ถากแฮ
เกลากล่อมเสาไม้คว้า เครื่องไม้ปรับปรุง
           ตระบัดจัดแต่งตั้ง พลับพลา
สองมุขสองทิศา คู่ด้าน
พระโรงและศาลา ทิมดาบ
ฉานน่าพระลานสอ้าน อีกทั้งเกยโถง
           มานค่ายสามชั้นรอบ ขอบคัน
รายสินาดอนันต์ปัน แน่นล้อม
โรงไหยรถเรียงรัน รายเรียบ
เขื่อนเพชรเขื่อนขันปอ้ม ปีกป้องกองราย
           สรรค์เสรจสุครีพเข้า ทูลสนอง
พระอนุชนารายน์สอง ทราบแล้ว
ยุรยาตรจากรถทอง มาพลัน พลาแฮ
เถลิงอาศน์บัลลังก์แพร้ว พรั่งพร้อมทวยหาญ

จบห้องที่ ๑๓๒

  เนื้อความกล่าวถึงทัพของพระพรตกับพระสัตรุดข้ามแม่น้ำสะโตง และเดินทางผ่านเขาคันธมาทน์มาถึง เขาคันธกาลาอยู่ริมฝั่งทะเลตรงข้ามกับกรุงลงกา สุครีพทูลว่าเมื่อพระรามเสร็จศึกแล้วได้แผลงศรทำลายถนนที่ข้ามไปกรุงลงกา นิลพัทจึงอาสาเนรมิตกายให้ใหญ่โตทอดข้ามมหาสมุทรเป็นถนนให้กองทัพผ่าน กองทัพจึงยกพลข้ามไปพักทัพอยู่ที่เขามรกฎหน้ากรุงลงกา

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ยิ่งกว่ายอดสุเมรุบรร”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “พิเภกนำพระภูบาล”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “อยุดยั้งโยธี”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “มาพลับ พลาแฮ”